มะตูม มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Beal และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Aegle marmelos (L.) Corrêa เป็นพืชตระกูลเดียวกับส้ม มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศอินเดีย เป็นไม้มงคลของศาสนาฮินดู เป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 10-15 เมตร เปลือกมีสีเทา มีใบประกอบแบบนิ้วมือ ใบเป็นมันมีลักษณะเป็นรูปไข่แต่ปลายแหลม มีดอกออกตามซอกใบและปลายกิ่ง มี 4 กลีบ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ผลมีลักษณะยาวรี ผิวเรียบ เปลือกแข็งและหนา เมื่ออ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะมีสีเขียวอมเหลือง เนื้อในมีสีเหลืองส้ม มีเมล็ดมาก มีสรรพคุณและประโยชน์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- บำรุงร่างกาย
มะตูมอุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การรับประทานมะตูมจึงช่วยบำรุงธาตุร่างกายให้แข็งแรง ทำให้ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย
- ช่วยให้เจริญอาหาร
มะตูมมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นความอยากอาหารให้มากขึ้น ทำให้รับประทานอาหารได้เยอะขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักตัว
- ต่อต้านมะเร็ง
มะตูมมีสารแทนนิน ที่มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ และช่วยต่อต้านมะเร็งชนิดต่าง ๆ เช่น มะเร็งตับ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งระบบประสาทนิวโรบลาสโตมา เป็นต้น
- รักษาโรคเบาหวาน
มะตูมมีฤทธิ์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลง และกระตุ้นให้อินซูลินมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ซึ่งดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำจนเกิดภาวะขาดน้ำตาลได้
- รักษาแผลในกระเพาะอาหาร
มะตูมมีฤทธิ์ช่วยต้านทานการอักเสบ และช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากการติดเชื้อเอชไพโลไร ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้กระเพาะอาหารเป็นแผลและลำไส้อักเสบ อีกทั้งยังกระตุ้นการหลั่งกรดน้ำย่อยในกระเพาะอาหารให้มากขึ้นอีกด้วย
- ลดไข้
เนื่องจากมะตูมมีฤทธิ์เย็น จึงช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายได้ หรือก็คือช่วยลดไข้ได้นั่นเอง โดยส่วนที่มีคุณสมบัตินี้ได้แก่ เปลือก ราก และลำต้น ซึ่งสามารถช่วยลดไข้จับสั่นได้
- แก้ไอ กระหายน้ำ ช่วยขับเสมหะ
การดื่มน้ำมะตูมสามารถช่วยแก้ไอ กระหายน้ำ ช่วยขับเสมหะ ทำให้ชุ่มคอได้ และยังช่วยลดอาการหอบหืด แก้อาการหลอดลมอักเสบ ช่วยให้โล่งคอ ทำให้หายใจสะดวกขึ้น
- แก้อาการท้องเสีย
มะตูมมีสรรพคุณแก้อาการท้องเสีย แก้โรคบิดที่ถ่ายเป็นเลือดได้ เนื่องจากมะตูมมีสารเลกติน ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านทางเชื้อบิดชิเกลล่า ทำให้อาการท้องเสียบรรเทาลงนั่นเอง
แม้ว่ามะตูมจะมีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย แต่หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไปก็อาจเกิดโทษได้เช่นกัน โดยใบอ่อนของมะตูมอาจทำให้เป็นหมันหรือแท้งลูกได้ สตรีมีครรภ์จึงไม่ควรรับประทาน และสำหรับเครื่องดื่มน้ำมะตูมนั้น มักจะมีการใส่น้ำตาลเพิ่มเติมลงไปด้วยเพื่อความอร่อย ดังนั้นหากดื่มมากเกินไป แทนที่จะไปช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ก็อาจจะไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดแทน นอกจากนั้นยังอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือท้องผูกได้เช่นกัน จึงควรรับประทานมะตูมในปริมาณที่พอดี