หญ้าลูกใต้ใบ มีสรรพคุณและประโยชน์อย่างไรบ้าง

Exclusive อาหารเพื่อสุขภาพ - สมุนไพร

หญ้าลูกใต้ใบ มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Tamalaki, Hazardana, Egg woman plant และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Phyllanthus amarus Schumach. & Thonn. เป็นพืชล้มลุก มีอายุ 1 ปี มีความสูง 30-60 เซนติเมตร มีถิ่นกำเนิดมาจากทวีปเอเชีย อเมริกา และแอฟริกา กระจายพันธุ์ไปทั่วในเขตร้อน รวมถึงประเทศไทยด้วย ทุกส่วนของต้นมีรสขม

เป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณและประโยชน์ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  1. แก้ไข้

หญ้าลูกใต้ใบมีสรรพคุณช่วยลดความร้อนในร่างกาย จึงช่วยลดไข้ได้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดธรรมดา ไข้จับสั่น หรือไข้ทับระดู ก็สามารถช่วยลดไข้ได้ โดยนำต้นสดมา 1 กำมือ ต้มกับน้ำสะอาด 2 แก้ว จากนั้นต้มจนเหลือน้ำครึ่งแก้ว เมื่อหายร้อนค่อยนำมาจิบรับประทาน อาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น

  1. แก้ไอ

ใบอ่อนของหญ้าลูกใต้ใบมีสรรพคุณช่วยแก้ไอในเด็กได้ โดยนำใบอ่อนมา 1 กำมือ ต้มกับน้ำสะอาดประมาณ 2 แก้ว จากนั้นเคี่ยวจนเหลือน้ำ 1 แก้วครึ่ง เมื่อหายร้อนแล้วจึงนำมาจิบแก้ไอ นอกจากนั้นใบอ่อนของหญ้าลูกใต้ใบยังสามารถแก้กระหายน้ำได้อีกด้วย

  1. แก้คัน

ในหญ้าลูกใต้ใบมีสารชนิดหนึ่งที่สามารถแก้คันตามผิวหนังได้ โดยให้นำใบสดมาตำให้ละเอียด จากนั้นค่อยผสมกับเกลือเล็กน้อย แล้วให้นำน้ำที่ได้จากการตำมาทาบริเวณผิวหนังที่เกิดอาการคัน ก็จะช่วยแก้คันได้

  1. ลดน้ำตาลในเลือด

หญ้าลูกใต้ใบมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยผู้ป่วยเบาหวานต้องรับประทานยาประจำตัวตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ และมีการตรวจระดับน้ำตาลเป็นประจำอีกด้วย

  1. บำรุงตับ

มีผลการวิจัยว่าสารสกัดจากหญ้าลูกใต้ใบช่วยบำรุงตับได้ นอกจากนั้นหมอยาจีนยังใช้ในการรักษาอาการตัวเหลือง ตาเหลือง เนื่องจากโรคดีซ่านได้อีกด้วย และยังช่วยกำจัดพิษในตับ พร้อมกับบำรุงตับไปในตัว

  1. ขับปัสสาวะ

หญ้าลูกใต้ใบมีสรรพคุณช่วยขับปัสสาวะ ขับระดูขาว ขับนิ่วในถุงน้ำดีและในไต นอกจากนั้นยังช่วยรักษาอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ มีไข่ขาวในปัสสาวะ ลดอาการบวม ช่วยให้ปัสสาวะง่ายขึ้น

  1. ขับประจำเดือน

หญ้าลูกใต้ใบยังมีคุณสมบัติช่วยปรับสมดุลในร่างกาย ทำให้ประจำเดือนมาปกติ โดยให้นำรากสดมาผสมกับน้ำซาวข้าว แล้วคั้นเอาแต่น้ำมาดื่ม จะช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ นอกจากนั้นยังช่วยขับประจำเดือนได้อีกด้วย

แม้ว่าหญ้าลูกใต้ใบจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ไม่เหมาะสำหรับบางคน เช่น หญิงมีครรภ์ เนื่องจากมีฤทธิ์ช่วยขับประจำเดือน จึงอาจทำให้แท้งลูกได้ และคนที่เลือดแข็งตัวช้า หรือรับประทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่ อย่างแอสไพริน ก็ไม่ควรกิน เพราะจะทำให้อาการแย่ลง หรือทางที่ดีก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานจะดีที่สุด