กลอย

อาหารเพื่อสุขภาพ - สมุนไพร

กลอย (wild yam) ชื่อวิทยาศาสตร์ Dioscorea hispida Dennst. เป็นพืชไม้เถาเลื้อยอยู่ในวงศ์กลอย (Dioscoreaceae) ชนิดหนึ่งที่มนุษย์รู้จักนำหัวของมันมาทำเป็นอาหารมานาน หัวใต้ดินกลมรี มีรากเล็กๆกระจายทั่ว มี 3-5 หัวต่อต้น เปลือกบาง สีน้ำตาลออกเหลือง เนื้อในหัวสีขาวหรือสีเหลือง ลำต้นเลื้อยพันต้นไม้อื่น มีหนามเล็กๆกระจายทั่วไป มีขนนุ่มสีขาว กลอย พบตามธรรมชาติในอินเดีย จีนตอนใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และนิวกินี ใช้เป็นอาหารในเอเชียและแอฟริกา

ลักษณะทางพันธุศาสตร์ของกลอย

ไม้เถาล้มลุก ไม่มีมือเกาะ มีหัวใต้ดิน ลึกประมาณ 10 – 15 เซนติเมตร ลำต้นกลมมีหนามเล็กๆกระจายทั่วไป และมีขนนุ่มๆ สีขาวปกคลุม มีรากเจริญเป็นหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน หัวใต้ดินส่วนมากกลมรี บางทีเป็นพู มีรากเล็กๆกระจายทั่วทั้งหัว มี 3-5 หัวต่อต้น เปลือกหัวบางสีน้ำตาลออกเหลือง เนื้อในหัวมี 2 ชนิดคือ สีขาว (กลอยหัวเหนียว) และสีครีม (กลอยไข่ กลอยเหลือง)

ใบประกอบ เรียงตัวแบบเกลียว ผิวใบสากมือ มีขนปกคลุม มีใบย่อย 3 ใบ ใบกลางแผ่นใบรูปรีแกมขอบขนาน กว้าง 6 – 15 เซนติเมตร ยาว 8 – 25 เซนติเมตร ปลายเรียวแหลม โคนแหลม ขอบใบเรียบ เส้นใบนูน ใบย่อย 2 ใบ แผ่นใบรูปไข่ รูปไข่กลับ ขนาดสั้นกว่าใบกลางแต่กว้างกว่า ปลายแหลม โคนกลม เส้นใบออกจากจุดเดียวกัน ก้านใบยาว 10 – 15 เซนติเมตร

ดอกช่อแบบแยกแขนง แยกเพศอยู่คนละต้น ดอกย่อยมีขนาดเล็ก จำนวน 30 – 50 ดอกสีเขียว ออกตามซอกใบ ห้อยลง ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อแยกแขนง 2 – 3 ชั้น ดอกตั้งขึ้น ยาวได้ถึง 40 เซนติเมตร เกสรเพศผู้จำนวน 6 อัน ดอกเพศเมียออกเป็นช่อชั้นเดียว ดอกชี้ลงดิน กลีบเลี้ยงและกลีบดอกอย่างละ 6 กลีบ เรียงเป็น 2 วง

ผลแก่แตกได้ มีสีน้ำผึ้ง มีครีบ 3 ครีบ กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาว 5.5 เซนติเมตร แต่ละครีบมี 1 เมล็ด ผิวเกลี้ยง เมล็ดกลมแบน มีปีกบางใสรอบเมล็ด

แหล่งที่พบ

พบตามที่ลุ่มต่ำ ที่รกร้างทั่วไป ป่าเต็งรัง ป่าผสม และป่าดงดิบ ออกดอกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน

สายพันธุ์ของกลอย

ในไทย กลอยมีชนิดย่อยหลายชนิด ได้แก่

– แบ่งตามสีเนื้อในหัว สีขาวเรียกกลอยหัวเหนียว สีเหลืองเรียกกลอยไข่หรือกลอยเหลือง
– แบ่งตามลักษณะของเนื้อ ถ้าเนื้อสีขาวหยาบ ร่วน ลำต้นสีเขียวเรียกกลอยข้าวเจ้า เนื้อสีเหลือง เหนียว ลำต้นสีน้ำตาลอมดำ เรียกกลอยข้าวเหนียว
– กลอยบางชนิดเถาไม่มีหนามและไม่มีสารพิษ เรียกกลอยจืด ซึ่งหาได้ยาก

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แบ่งเป็น 4 สายพันธุ์คือ

– variety hispida ต้นโตเร็ว ช่อดอกตัวผู้ยาว ดอกห่าง ขนสีเหลืองทอง พบทั่วไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
– variety mollissima เหมือน hispida แต่มีขนสีขาว พบมากในพม่า ชวา
– variety scaphoides ต้นเล็กกว่า hispida ผลเป็นแคบซูลเรียวแหลม ขนาดเล็ก พบในไทย
– variety daimona ช่อดอกตัวผู้เป็นดอกช่อเชิงลด ช่อแน่น ดอกปลายช่อมีขนาดเล็ก พบในอินเดียและพม่า

ความเป็นพิษ

กลอยบางชนิดมีแคลเซียมออกซาเลต ทำให้ระคายเคือง บางชนิดมีซาโปนิน มีฤทธิ์ทำลายเม็ดเลือด มีสารไดออสโครีน (Dioscorine) ทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้เป็นอัมพาต ละลายน้ำได้ดี รสเบื่อเมา จึงต้องล้างสารนี้ออกจากกลอยก่อนนำไปบริโภค นิยมนำไปแช่ไว้ในธารน้ำไหลเป็นเวลา 1 คืน หรือนานกว่านี้

การใช้ประโยชน์

– ชาวซาไกใช้น้ำแช่หัวกลอยผสมกับยางของยางน่องใช้เป็นยาทาลูกธนู
– ในอินเดียใช้หัวกลอยเป็นยาฆ่าเหา และเบื่อปลา ใช้น้ำแช่หัวกลอยมาฉีดฆ่าแมลงจำพวกหนอน
– กลอยดิบตำให้ป่นใช้พอกแผลวัวควายเพื่อฆ่าหนอนในแผล
– หัวกลอยที่ล้างพิษหมดแล้ว ปรุงเป็นยาแก้เถาดานในท้อง
– นำหัวกลอยมาปรุงเป็นน้ำมันใส่แผลฝี
– สารสกัดจากกลอยที่สกัดด้วยเอทานอลมีประสิทธิภาพดีในการยับยั้งการเจริญของ Propionibacterium acnes

ข้อควรระวังในการใช้

กลอยมีสารไดออสเจนิน diosgenin ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายไฟตอสโตรเจน phytoestrogen ผู้ป่วยมะเร็งที่ไวต่อเอสโตรเจน estrogen ควรระมัดระวังและศึกษาให้ดีก่อนรับประทานกลอย

ข้อมูลอ้างอิง

https://th.wikipedia.org/wiki/กลอย