การะเกด

อาหารเพื่อสุขภาพ - สมุนไพร

ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Pandanus tectorius  Blume
ชื่อวงศ์ :   Pandanaceae
ชื่อสามัญ :   Screw Pine
ชื่ออื่น :  การะเกด การะเกดด่าง ลำเจียกหนู (กรุงเทพมหานคร), เตยด่าง เตยหอม (ภาคกลาง)

ลักษณะ : 
ไม้พุ่มกึ่งไม้ต้น สูง 3-7 ม. ลำต้นมักแตกกิ่งก้านสาขา  รูปทรงคล้ายต้นเตย มีรากอากาศค่อนข้างยาว และใหญ่
ใบเดี่ยวเรียงเวียนสลับกันเป็น 3 เกลียวที่ปลายกิ่ง คล้ายใบสับปะรด ขอบใบเป็นหนามห่างๆ แผ่นใบด้านล่างมีนวล ยาว 1 -2 เมตร ปลายใบเรียว แหลม
ดอกแยกเพศ อยู่ต่างต้นกัน เป็นช่อตั้งออกตรงกลางยอด  มีจำนวนมาก ติดบนแกนของช่อ ไม่มีกลีบรองดอกและกลีบดอก ช่อดอกเพศผู้ตั้งตรง มีกาบสีนวลหุ้ม กลิ่นหอม ช่อดอกเพศเมียค่อนข้างกลม ประกอบด้วยเกสรเพศเมียเชื่อมติดกัน 3-5 อัน เป็นกลุ่ม 5-12 กลุ่ม ปลายหยักตื้นเป็นร่องระหว่างยอดเกสรเพศเมีย
ผล  ติดผลมีก้านยาว ผลเบียดแน่นเป็นก้อนกลม รูปร่างคล้ายผลสับปะรด ห้อยลงมาข้างต้น  โคนสีเหลือง ตรงกลางสีแสด ตรงปลายยอดสีน้ำตาลอมเหลือง เมื่อสุกหอม  เมื่อแก่จัดผลมีผิวสีแดง เมื่อสุกหอม ผลที่สุกแล้วมีโพรงอากาศจำนวนมาก กินได้ รสคล้ายผลสับปะรด

สรรพคุณ :
ดอก รสขมหอม
–  ปรุงยาหอม ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ ดอกหอม รับประทาน มีรสขมเล็กน้อย
–  แก้โรคเสมหะในอก เช่น เจ็บคอ แก้เสมหะ บำรุงธาตุ
–  อบกลิ่นเสื้อผ้าให้หอม

วิธีใช้  –  นำดอกไปเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว หรือมันหมู ปรุงเป็นน้ำมันใส่ผม นำดอกเข้ายาหอมบำรุงหัวใจ
ยอด : ใช้ต้มกับน้ำให้สตรีดื่มหลังคลอดบุตรใหม่ๆ
รากอากาศ ที่ยื่นออกมาตากแห้งต้มกินเพื่อรักษานิ่ว ขับปัสสาวะ ลดความดัน ลดเบาหวาน
หมอยาไทยใหญ่ยืนยันว่าการะเกดช่วยลดความดันเห็นผลแน่นอน ส่วนหมอยาปกาเกอะยอยืนยันว่าใช้คุมเบาหวานได้แน่นอนเช่นกัน แม้ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยยืนยันสรรรพคุณเหล่านี้ของการะเกด แต่มีการศึกษาพืชในตระกูลเดียวกันคือ เตย พบว่ามีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะและลดน้ำตาลในเลือดได้

หมายเหตุ  การะเกดเป็นต้นที่มีดอกตัวเมีย ต้นที่มีดอกตัวผู้คือลำเจียก

ประโยชน์อื่นๆ
ใบการะเกดนำมาจักสานเป็นเครื่องใช้สอยต่างๆ ได้ดี เช่น เสื่อ กระสอบ หมวก กระเป๋า เป็นต้น เป็นวัตถุดิบของงานหัตถกรรมที่ดี และหาได้ง่าย

ที่มา
http://www.medplant.mahidol.ac.th/pharm/botanic.asp?bc=0544
http://www.rspg.or.th/plants_data/herbs/herbs_03_1.htm
ตำราแพทย์แผนโบราณทั่วไปสาขาเภสัชกรรม โดยกองประกอบโรคศิลปะ กระทรวงสาธารณสุข
http://www.doctor.or.th/article/detail/2111
http://tonyaffare.com/his_sub/mar/week4.php