ตามคาด! สหรัฐฯ ฉีด “ไฟเซอร์-โมเดอร์นา” แต่ยังติดโควิด 3.18 หมื่นราย ในจำนวนนี้ตาย 7,700 ราย

ไวรัสโคโรน่า (Covid-19)

กรณีการเสียชีวิตของโคลิน พาวเวลล์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ วัย 84 ปี ซึ่งฉีดวัคซีนครบเข็มแล้ว ตอกย้ำว่าประชากรวัยชราที่มีภูมิคุ้มกันยังคงมีความเสี่ยงกลายเป็นเคสฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อโควิด-19 (breakthrough cases) อาการรุนแรง ท่ามกลางข้อมูลล่าสุดของซีดีซีที่ระบุ จนถึงตอนนี้พบเคสติดเชื้อหลังฉีดวัคซีนกว่า 31,000 รายในอเมริกา ในนั้นเสียชีวิตกว่า 7,100 คน ส่วนใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (ซีดีซี) บอกว่าเคสฉีดวัคซีนแต่ยังติดเชื้อเป็นสิ่งที่คาดหมายไว้แล้ว เนื่องจากไม่มีวัคซีนตัวใดมีประสิทธิภาพ 100% อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยืนยันว่าวัคซีนโควิด-19 ยังคงมอบการปกป้องที่ดีที่สุดต่อการติดเชื้ออาการรุนแรงและเสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

จนถึงวันที่ 12 ตุลาคม ซีดีซีได้รับรายงานเคสฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อ 31,895 ราย โดยมี 24,717 รายถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ในนั้น 16,509 รายอายุ 65 ปีขึ้นไป ขณะที่เคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ติดเชื้อเสียชีวิต อยู่ที่ 7,718 ราย ในนั้น 6,104 ราย อายุ 65 ปีขึ้นไป

เจ้าหน้าที่ของซีดีซีเผยว่า เวลานี้กำลังมีการศึกษาต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนแล้วแต่ยังติดเชื้อ และปัจจัยเอื้อต่างๆ เช่น อายุ โรคประจำตัว ยี่ห้อของวัคซีน และตัวกลายพันธุ์โควิด-19

ผลการศึกษาฉบับหนึ่งซึ่งตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์ The Lancet ในเดือนกันยายน 2021 ระบุเช่นกันว่า คนชราเป็นกลุ่มคนที่อ่อนแอต่อเคสฉีดวัคซีนแล้วติดเชื้อโควิด-19 อาการรุนแรงมากที่สุด โดยพวกนักวิจัยศึกษาเคสติดเชื้อหลังได้รับวัคซีนระหว่างเดือนมีนาคม พบว่า ในหมู่เคสอาการวิกฤตมากที่สุดมีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 80 ปี และมีโนวแน้มว่าจะมีโรคประจำตัวมาก่อน เช่น โรคอ้วน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคปอด และโรคเบาหวานชนิดที่ 2

อีกการศึกษาหนึ่งที่เผยแพร่ในวารสาร U.S. National Library of Medicine ในเดือนกันยายน 2021 ก็พบผลลัพธ์แบบเดียวกัน ตอกย้ำว่า “ในบุคคลที่ติดเชื้อหลังฉีดวัคซีน” อายุที่สูงขึ้นสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการติดเชื้ออาการรุนแรงหรือเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่ชี้ว่าประชากรผู้สูงวัยจำนวนมากที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 กลุ่มแรกๆ เวลานี้ประสิทธิภาพการป้องกันลดลงแล้ว ดังเช่นผลการศึกษาต่างๆ ที่เผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ และเชื่อว่ามันคืออีกปัจจัยหนึ่งในความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของเคสติดเชื้ออาการรุนแรงหลังฉีดวัคซีน

ด้วยประสิทธิภาพของวัคซีนที่ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐฯ จึงอนุมัติฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นสำหรับบางกลุ่มอายุ ในนั้นรวมถึงคนสูงวัย

เมื่อเดือนที่แล้ว ไฟเซอร์เริ่มต้นฉีดเข็มกระตุ้นแก่คนชราและประชากรวัยผู้ใหญ่ที่มีความเสี่ยงสูงจากโควิด-19 สืบเนื่องจากสุขภาพที่ย่ำแย่ หน้าที่การงานหรือสภาพความเป็นอยู่ โดยจะเว้นระยะห่างอย่างน้อยๆ 6 เดือนหลังจากเข้ารับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว

ล่าสุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ ออกคำแนะนำในแนวทางเดียวกัน ฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเข็มกระตุ้น ในปริมาณครึ่งโดส

ส่วนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ปัจจุบันกำลังขออนุมัติฉีดเข็มกระตุ้นจากสำนักงานอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ เช่นกัน โดยคณะที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ อ้างความกังวลว่าชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนแบบเข็มเดียวยี่ห้อนี้ จะไม่ได้รับการป้องกันเท่ากับวัคซีน 2 เข็มของบริษัทอื่น

จนถึงตอนนี้มีประชาชนชาวสหรัฐฯ กว่า 188 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว โดยส่วนใหญ่รับวัคซีน 2 เข็มของไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา ส่วนผู้เข้ารับวัคซีนเข็มเดียวของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน มีจำนวนแค่ราวๆ 15 ล้านคน

(ที่มา : ฟ็อกซ์นิวส์ /https://mgronline.com/around/detail/9640000105172