ช่วงเวลาไหนที่เหมาะกับการออกกำลังกายของคุณมากที่สุด

การออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทุกคน เพราะทำให้ร่างกายแข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ช่วยลดไขมัน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้หุ่นดีฟิตกระชับ ซึ่งการออกกำลังกายมีหลายช่วง โดยแต่ะละช่วงมีข้อดีและข้อเสียต่างกันดังนี้

            ออกกำลังกายช่วงเช้า

               เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายเพิ่งฟื้นจากการพักผ่อน จึงควรรับประทานอาหารเช้าก่อนออกกำลังกายอย่างน้อยประมาณ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอที่จะใช้ในการออกกำลังกาย เพราะหากร่างกายไม่มีพลังงานเพียงพอ ตับจะดึงสารอาหารที่เก็บสะสมไว้มาใช้ ซึ่งจะทำให้ตับทำงานอย่างต่อเนื่องจนไม่ได้หยุดพักจากตอนกลางคืนนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีการออกกำลังกายช่วงเช้าจะทำให้ร่างกายตื่นตัวพร้อมสำหรับวันใหม่ ทั้งยังช่วยกระตุ้นระบบการทำงานของหัวใจ ระบบการเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนั้นการออกกำลังกายในช่วงเช้ายังมีสิ่งที่จะมารบกวนน้อย ทำให้มีสมาธิในการออกกำลังกายมากขึ้น แต่หากเราไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วมาออกกำลังกายต่อในช่วงเช้า อาจจะทำให้อ่อนเพลียมากกว่าเดิม จึงต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนออกกำลังกายทุกครั้งด้วยค่ะ

            ออกกำลังกายช่วงบ่าย

               ช่วงเวลาบ่ายของวันคือช่วงเวลาที่ร่างกายฟื้นจากการพักผ่อนเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอุณหภูมิ ระดับฮอร์โมน และระบบการทำงานของร่างกายต่างๆ อยู่ในระดับที่ปกติ ทำให้สามารถออกกำลังกายได้มาก หากใครต้องการเพิ่มเวลาการออกกำลังกาย หรือต้องการออกกำลังกายให้ได้อย่างเต็มที่ เวลาบ่ายนี้ก็นับเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดสำหรับร่างกาย แต่ก็ควรจัดสรรเวลาให้ดี เพราะตอนบ่ายอาจมีงานหรือภารกิจต่างๆ เข้ามาแทรก ทำให้ต้องหยุดออกกำลังกายกะทันหัน หรืออาจจะทำให้ออกกำลังกายไม่ต่อเนื่องได้ แต่อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายช่วงบ่ายจะทำให้เรากระปรี้กระเปร่า ไม่ง่วงเหงาหาวนอน แถมยังช่วยผ่อนคลายความเครียดระหว่างวันได้อีกด้วย

            ออกกำลังกายช่วงเย็น

            ช่วงเวลาเย็นมักเป็นช่วงเวลาว่างของทุกคน ไม่ต้องเร่งรีบเหมือนช่วงเช้า และไม่ต้องคอยกังวลเหมือนช่วงบ่าย จึงสนุกกับการออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ เพราะส่วนใหญ่ทุกคนจะเลิกทำงานหรือเลิกเรียนกันหมดแล้ว เราจึงมีเวลาให้กับการดูแลตัวเอง และยังมีพลังงานที่ได้จากการรับประทานอาหารเข้าไปมาทั้งวัน โดยไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกาย และไม่ควรทำด้วย ซึ่งควรจะรับประทานอาหารเย็นหลังออกกำลังกายเสร็จจะดีกว่า โดยการออกกำลังกายช่วงเย็นจะทำให้ความอยากอาหารลดลงอีกด้วย และควรเว้นระยะห่างอย่างน้อยเป็นเวลา 4-6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน เพราะหลังจากออกกำลังกายในช่วงเย็น ร่างกายจะตื่นตัว หากเข้านอนหลังจากนี้เลย ก็อาจจะทำให้นอนไม่หลับได้

ไม่ว่าคุณจะเลือกออกกำลังกายในช่วงไหนก็ตาม ก็ควรทำเป็นประจำอย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละประมาณ 30 นาที และไม่ควรหักโหมจนมากเกินไป ควรทำแต่พอดี หากใครที่เพิ่งเริ่มออกกำลังกาย ก็ควรจะค่อยๆ เพิ่มเวลามากขึ้นไปทีละน้อยๆ ก่อน เพื่อให้ร่างกายมีการปรับตัวได้อย่างสมดุล