ทาเล็บบ่อย “เสี่ยงมะเร็ง” – ระวัง! “ใช้ปากเป่าให้แห้ง” เสี่ยงอันตราย

มือ และ แขน รู้ทันโรค

หลายคนคงเคยได้ยินว่า “สวยแต่อันตราย” โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ชื่นชอบการทาเล็บ เพราะมีอันตรายบางอย่างแฝงมากับความสวย เพราะลาสุดชาวเน็ตแชร์กันบนโลกออนไลน์ว่า การทาเล็บบ่อย ๆ ครั้ง จะทำให้เป็นมะเร็ง แต่จะจริงหรือไม่วันนี้เราไปหาคำตอบกัน

โดยมีข้อมูลจาก @FDAThai สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ระบุว่า ก่อนอื่นทำความรู้จักกับน้ำยาทาเล็บกันก่อนดีกว่า น้ำยาทาเล็บมีไว้เพื่อเพิ่มความสวยงามให้แก่เล็บ ซึ่งมีสารเคมีอยู่หลายชนิด หากใช้ไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดอันตรายได้

สารเคมีตัวแรก คือ “ฟอร์มาลดีไฮด์” (Formaldehyde) เป็นสารที่มีกลิ่นฉุนและไม่มีสี ช่วยให้น้ำยาทาเล็บแข็งตัว แต่หากใช้บ่อยรู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น โดยสิ่งที่จะตามมาก็คือ ทำให้เล็บแห้งและเปราะได้ง่ายขึ้น ซึ่งตามกฎหมายอาจใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บโดยความเข้มข้นไม่เกิน 5%

สารเคมีอีกตัว คือ “โทลูอีน” (Toluene) เป็นสารเคมีที่ช่วยให้น้ำยาทาเล็บมีผิวเรียบเมื่อทาลงบนเล็บ ซึ่งหากสูดดมเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมากก็สามารถทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน โดยจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อลำคอและปอดได้ ซึ่งตามกฎหมายอาจใช้ในผลิตภัณฑ์สำหรับเล็บโดยความเข้มข้นไม่เกิน 25%

แต่สิ่งที่สำคัญและต้องทราบไปกว่านั้น สารเคมีที่อยู่ในน้ำยาทาเล็บทั้ง 2 ชนิดดังกล่าว มีความเกี่ยวข้องกับการก่อ “โรคมะเร็ง” ได้อีกด้วย แต่การที่เราทาเล็บแล้วจะทำให้เกิดมะเร็งนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก เนื่องจากน้ำยาทาเล็บในปัจจุบันจะระเหย และแห้งค่อนข้างเร็ว ดังนั้นถ้ารู้จักวิธีการทาเล็บให้ถูกวิธี จะทำให้สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายได้

สำหรับวิธีการทาเล็บให้ถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอันตราย ได้แก่
1.เลือกใช้น้ำยาทาเล็บที่มีการจดแจ้งกับ อย. แล้ว
2.เปิดหน้าต่างและประตูก่อนใช้น้ำยาทาเล็บ เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และสิ่งที่หลายคนมักจะมองข้ามไปก็คือ
3.ไม่ควรใช้ปากเป่าน้ำยาทาเล็บให้แห้ง

อย่างไรก็ดี จะเห็นได้ว่าในน้ำยาทาเล็บนั้น มีสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย และเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งได้ แต่หากใช้อย่างถูกวิธี เลือกใช้น้ำยาทาเล็บที่มีคุณภาพ และไม่ทาเล็บบ่อยจนเกินไป การทาเล็บก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นตระหนักไว้แต่อย่าตื่นตระหนกจนเกินไป.
………………………………..
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “ทวีลาภ บวกทอง” https://www.dailynews.co.th/article/744585