ปัญหาส้นเท้าแตก ส้นเท้าแห้ง หยาบ แข็ง หรือส้นเท้าลอกมีรอยแตกแยกออกเป็นแผ่น ๆ บางครั้งอาจสร้างความเจ็บปวดหรือสร้างความทรมานใจให้กับผู้หญิงอย่างเราไม่ใช่น้อย ยิ่งหากรอยแตกนั้น สร้างความบาดเจ็บหรืออาจมีเลือดไหลออกมา ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว หรือภาวะอากาศแห้งและอากาศหนาวเย็น สาว ๆ หลายคนพยายามที่จะรักษาส้นเท้าแตก บางครั้งอาจต้องควักเงิน เพื่อซื้อครีมหรือซื้อยาในราคาที่แพง แต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจมากนัก และวันนี้เราก็มีวิธีการดูแลรักษาปัญหาส้นเท้าแตกมาฝาก ซึ่งบอกก่อนว่าเคล็ดลับต่อไปนี้จะเป็นสูตรเด็ดที่ประหยัดเงินในกระเป๋าได้มาก แถมยังได้ผลลัพธ์ที่ดีอีกด้วย จะมีสูตรเด็ดไหนที่น่าสนใจบ้าง ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลย
บำรุงด้วยกล้วยหอม
กล้วยหอมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามิน A วิตามิน C และวิตามิน B6 ที่มีคุณสมบัติช่วยในการสมานผิว บริเวณส้นเท้าที่แตก และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว วิธีนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเพียงแค่สาว ๆ นำกล้วยหอมสุก มาบดหรือนำไปปั่นให้ละเอียด จนได้เนื้อครีมที่เข้มข้น ก่อนนำมาทาที่บริเวณส้นเท้าที่แตก และใช้ผ้าพันทิ้งไว้ 15-20 นาที จากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดหรือถ้าต้องการประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น ควรล้างออกด้วยน้ำอุ่น โดยหมั่นบำรุงด้วยสูตรนี้เป็นประจำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง จนกว่ารอยแตกนั้นจะหายไป เชื่อว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ประหยัดต้นทุนได้มากเลยทีเดียว และได้ผลลัพธ์ที่ดีพอ ๆ กับการใช้ครีมบำรุงผิวที่มีราคาแพงเลยก็ว่าได้
สูตรน้ำผึ้ง น้ำส้มสายชู และแป้งข้าวเจ้า
น้ำผึ้ง น้ำส้มสายชู และแป้งข้าวเจ้าเป็นที่ทราบกันดีว่าส่วนผสมทั้ง 3 อย่างนี้ มีคุณสมบัติที่ช่วยบำรุงผิวและช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งเสีย หยาบกร้านหรือลอกเป็นขุยให้กลับมานุ่มและชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง จึงเป็นไอเดียที่ดีไม่ใช่น้อย หากจะนำทั้ง 3 ส่วนผสมนี้มาทำเป็นสูตรสครับผิว เพื่อรักษาส้นเท้าแตกด้วยวิธีการง่าย ๆ และไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย เพียงแค่สาว ๆ นำส่วนผสมทั้ง 3 อย่างนี้ โดยใช้แป้งข้าวเจ้า 3 ช้อนโต๊ะ มาผสมกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นให้ใส่น้ำส้มสายชูลงไปประมาณ 3-4 หยด และคนส่วนผสมทั้งหมดให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ก่อนที่จะนำมาสครับที่บริเวณส้นเท้า สาวๆ ๆ ควรแช่เท้าในน้ำอุ่นประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นจึงนำส่วนผสมที่เตรียมไว้มาสครับด้วยการขัดถูวนไปวนมาที่บริเวณส้นเท้า เพื่อเป็นการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป และหากต้องการประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้นควรบำรุงด้วยสูตรนี้ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
สูตรวาสลีนผสมกับมะนาว
วาสลีน หรือปิโตรเลี่ยมเจลสามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามร้านสะดวกซื้อ และห้างสรรพสินค้าทั่วไป โดยมีราคาที่ไม่แพง ซึ่งวาสลีน หรือปิโตรเลี่ยมเจล มีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวที่แห้งกร้าน ไม่ว่าจะเป็นผิวหน้า ผิวกาย หรือผิวในส่วนของบริเวณส้นเท้าที่มีปัญหาแตกหรือลอกเป็นขุยก็ตาม ในขณะที่มะนาวก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวที่แห้งเสียให้หลุดออกไป และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่เนียนนุ่มและชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น เพียงสาว ๆ นำวาสลีน 1 ช้อนชา มาผสมกับน้ำมะนาวสด 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้นคนส่วนผสมให้เข้ากัน และนำมาทาที่บริเวณส้นเท้าที่มีรอยแตก จากนั้นให้ทำการสวมถุงเท้าไว้และเข้านอนตามปกติ เมื่อตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่คุณสาว ๆ จะสัมผัสได้ก็คือความนุ่มและชุ่มชื้นที่บริเวณส้นเท้า หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นที่สะอาด โดยควรบำรุงด้วยสูตรนี้ก่อนเข้านอนเป็นประจำ ยิ่งทำได้ทุกวันยิ่งได้ผลลัพธ์ที่ดี ด้วยความที่วาสลีนจะคอยทำหน้าที่คล้ายกับมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้แก่ผิวได้ และอย่างที่บอกว่าน้ำมะนาวอุดมไปด้วยกรดซิตริก จึงมีส่วนช่วยทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ที่ช่วยทำให้คุณมีส้นเท้าที่เนียนนุ่มมากขึ้นกว่าเดิม
ขัดส้นเท้าด้วยเกลือบริสุทธิ์
สูตรนี้บอกเลยว่าเป็นสูตรที่ประหยัดที่สุดเพราะเกลือบริสุทธิ์เราสามารถหาได้จากก้นครัว เชื่อว่าในแต่ละบ้านจะต้องมีเกลือไว้สำหรับปรุงอาหารอยู่แล้ว ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ เพียงแค่นำเกลือบริสุทธิ์ประมาณครึ่งถ้วย เทลงไปผสมในน้ำอุ่นหลังจากนั้นคนให้เกลือละลาย และนำเท้าไปแช่ไว้ประมาณ 15-20 นาที เมื่อครบเวลาที่กำหนดแล้ว ให้ใช้หินสำหรับขัดส้นเท้านำมาถูเบา ๆ ที่บริเวณรอยแตก ซึ่งการขัดด้วยหินจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่แห้งตายแล้วให้หลุดออกไป และทำให้คุณมีผิวที่นุ่มนวลมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ข้อควรระวังคือไม่ควรใช้แปรงเด็ดขาดเพราะการใช้แปลงอาจจะทำให้เกิดรอยแตกได้กว้างมากยิ่งขึ้น และหลังจากที่แช่เท้า ขัดด้วยหินขัดเท้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรเช็ดเท้าให้แห้งและทาครีมบำรุงอีกครั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น ควรหมั่นแช่เท้าในน้ำอุ่น และขัดเท้าด้วยหินขัดเท้าเป็นประจำ จะช่วยแก้ปัญหาส้นเท้าแตกได้เป็นอย่างดี
ทั้งหมดนี้ก็คือ สูตรเด็ดซึ่งเป็นสูตรที่ประหยัดเงิน ในการรักษาปัญหาส้นเท้าแตก สำหรับคุณสาว ๆ บอกเลยว่าคุณสาว ๆสามารถหาวัสดุอุปกรณ์ได้ง่าย ๆ ในราคาที่ประหยัด และแถมยังได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาดอีกต่างหาก
