สะตอ มีชื่อทางภาษาอังกฤษว่า Bitter bean, Twisted cluster bean, Stink bean และมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Parkia speciosa Hassk. เป็นพืชตระกูลถั่ว และเป็นไม้ยืนต้น สูงประมาณ 30 เมตร เป็นใบประกอบ ออกดอกเป็นช่อ เก็บฝักได้หลังจากออกดอกแล้วประมาณ 70 วัน ใน 1 ฝักจะมีอยู่หลายเมล็ด ซึ่งเมล็ดนั้นมีกลิ่นเหม็นเขียวรุนแรง แต่ก็นิยมนำมาประกอบอาหารกัน โดยเฉพาะภาคใต้ และประเทศเพื่อนบ้านของไทย อย่างลาว พม่า มาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ แม้แต่อินเดียก็ยังนิยมนำไปประกอบอาหารเช่นกัน เนื่องจากสะตอมีสรรพคุณและประโยชน์สูง ซึ่งได้แก่
- ช่วยให้เจริญอาหาร
สะตอมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นน้ำย่อยในร่างกายให้หลั่งออกมา ทำให้เกิดความรู้สึกอยากรับประทานอาหารมากขึ้น จึงช่วยให้เจริญอาหารได้นั่นเอง
- ช่วยในการขับลม
สะตอยังช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารและลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยขับลมในลำไส้ออกมาได้ แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้องได้
- ช่วยในการขับถ่าย
สะตอมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ให้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้การขับถ่ายคล่องตัว ลดอาการท้องผูก ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร ลำไส้อุดตัน และมะเร็งลำไส้ได้
- ช่วยในการขับปัสสาวะ
สะตอมีฤทธิ์ช่วยในการขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะขัด หรือลดอาการปัสสาวะกะปริบกะปรอยได้ ทำให้ปัสสาวะได้สะดวกและเป็นปกติยิ่งขึ้น
- บำรุงสายตา
ในสะตอมีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา ลดอาการตาล้า พร่ามัว จากการใช้สายตามากเกินไปได้ และยังป้องกันโรคต้อหิน ต้อกระจก โรควุ้นในจอประสาทตาเสื่อมได้อีกด้วย
- บำรุงกระดูก
ในสะตอมีธาตุเหล็กและฟอสฟอรัสที่ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคกระดูกเสื่อม โรคกระดูกพรุน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระดูกได้
- ลดน้ำตาลในเลือด
สะตอมีคุณสมบัติที่สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ เป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาล
- ลดความดันโลหิต
นอกจากจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดแล้ว สะตอยังช่วยลดความดันโลหิตได้อีกด้วย จึงช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้เกิดโรคเกี่ยวกับความดัน โรคหัวใจและหลอดเลือดได้ ทำให้สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น
- ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรีย
สะตอยังสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียได้ ซึ่งนับว่าเป็นผักที่มีประโยชน์อย่างมาก
การรับประทานสะตอก็มีข้อที่ควรระวังอยู่เช่นกัน เนื่องจากในสะตอมีกรดยูริกสูง ผู้ที่เป็นโรคเกาต์จึงไม่ควรรับประทาน เพราะอาจทำให้อาการแย่ลงได้ และยังมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ่ว โรคไตอักเสบ และอาจมีอาการหูอื้อด้วย จึงควรบริโภคแต่พอดี ส่วนใครที่กำลังสงสัยอยู่ว่าสะตอนั้นเขามักจะนำไปทำเมนูอะไรกัน ก็ได้แก่ ผัดเผ็ดสะตอ ผัดพริกแกงสะตอกุ้ง สะตอผัดกะปิกุ้งสด รับรองว่าถ้าได้ชิมต้องติดใจทั้งรสชาติที่แสนอร่อยและคุณประโยชน์ที่มากมายอย่างแน่นอนค่ะ