อันตราย! “น้ำลายแมว” มีเชื้อแบคทีเรีย หากลุกลามเข้ากระแสเลือด อาจเสียชีวิตได้

รู้ทันโรค

เชื่อว่าหลายท่านที่เห็นข้อความจากเพื่อน ๆ ซึ่งได้แชร์ข่าวที่นำเสนอในทำนองว่า “…ให้แมวเลียหน้า เพื่อรักษาสิว” คงเกิดความสงสัยและทำหน้างุนงงอยากได้คำตอบในเรื่องนี้ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าจะสามารถรักษาสิวได้จริง ฟังแล้วก็ดูแปลก ๆ แต่อีกส่วนหนึ่งกลับรู้สึกอยากจะลองทำตามบ้าง

ในวันนี้เราจึงจะพาไปค้นหาคำตอบเอาแบบเคลียร์ ๆ ชัด ๆ กันไปเลยว่า…ได้ผลจริงเหรอ? หรืออันตราย? ก่อนที่ใครหลายคนจะพากันเชื่อและทดลองทำตาม

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้ความรู้ว่า กรณีการเสนอข่าวว่ามีการรักษาสิวบนใบหน้าที่น่าตะลึงของหญิงชาวอินโดนีเซีย ด้วยการให้ “แมวแท็บบี้” นั่งบนหนังสือเรียน และคอยเลียใบหน้าขณะเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน เป็นเวลา 3 เดือน ปรากฏว่าสิวบนใบหน้าลดลง ใบหน้าดีขึ้นหลังจากให้แมวที่เลี้ยงเลียใบหน้าทุกวันนั้น ก่อนอื่นเลยต้องเรียนให้ทราบว่า ในช่องปากและในน้ำลายของแมว จะมีแบคทีเรียประจำถิ่นเป็นจำนวนมาก หมายความว่า…ในแต่ละประเทศก็จะมีแบคทีเรียที่แตกต่างกันออกไป

โดยเจ้าแบคทีเรียนี้มีความพิเศษที่ว่า “ไม่ก่อโรคในแมว” แต่ถ้าแมวไปกัดคนเป็นแผลรอยเขี้ยว แบคทีเรียในน้ำลายจะเข้าสู่บาดแผล ทำให้ติดเชื้อเป็นโรคไฟลามทุ่ง (Cellulitis) ถ้ารักษาไม่ทัน แบคทีเรียอาจจะลุกลามเข้ากระแสเลือด จนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้

ฉะนั้นผู้ที่ชอบและคิดจะทดลองให้แมวเลียสิวบนใบหน้า แบคทีเรียในน้ำลายแมวอาจผ่านสะเก็ดแผลเล็ก ๆ บนตุ่มสิว ทำให้ติดเชื้อเป็นโรคไฟลามทุ่งได้ ดังนั้นจึง “ไม่ควร” ให้แมวเลียที่ใบหน้า

แต่อย่างไรก็ตาม แม้คนที่ไม่เป็นสิว แบคทีเรียอาจผ่านแผลเล็ก ๆ หรือเยื่อบุปาก เยื่อบุจมูกได้ ส่วนผู้ที่เป็นสิวเล็กน้อยสามารถดูแลรักษาใบหน้าด้วยวิธีการล้างทำความสะอาด ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง ห้ามบีบแกะสิว ถ้าเป็นสิวมาก มีตุ่มแดง ตุ่มหนอง ควรไปพบแพทย์ ห้ามซื้อยาปฏิชีวนะกินเอง เพราะอาจแพ้ยา เกิดเชื้อดื้อยาได้.
………………………………..
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “ทวีลาภ บวกทอง” https://www.dailynews.co.th/article/744579