เทคนิคการทาครีมกันแดดให้ได้ประสิทธิภาพ

ความสวย ความงาม

มลภาวะทางอากาศไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น ควัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดด ที่คอยทำร้ายให้ผิวแห้งเสีย เกิดริ้วรอย ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่างๆ ทำให้คุณผู้หญิงอย่างเราๆ มีผิวหน้าที่ดูแก่ก่อนวัยอันควร ซึ่งวิธีการป้องกันที่ดีที่สุด นอกจากการสวมใส่อุปกรณ์หรือเสื้อผ้าป้องกันแล้ว การทาครีมกันแดดก็ยังเป็นที่นิยมและเชื่อว่าเป็นวิธีการป้องกันรังสียูวีและรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดที่คอยทำร้ายผิวแห้งเสียได้ อย่างไรก็ตามในการที่จะป้องกันแสงแดดให้ได้ประสิทธิภาพ จำเป็นที่จะต้องทาครีมกันแดดให้ถูกวิธีด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อให้ครีมกันแดดนั้นมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวหนัง ซึ่งวันนี้เราจึงมีเคล็ดลับดีๆ ในการทาครีมกันแดดมาฝาก

 

แต่ก่อนที่จะไปดูเทคนิคการทาครีมกันแดดให้ถูกวิธีนั้น เราไปดูกันก่อนดีกว่าว่าสภาพผิวแบบไหน เหมาะกับครีมกันแดดประเภทใด

ผิวแพ้ง่าย

ผิวแพ้ง่าย เหมาะกับครีมกันแดดที่เป็นเนื้อเซรั่มหรือเป็นเนื้อครีมบางเบาๆ ซึ่งควรเลือกค่า SPF 30 บวกขึ้นไป เนื่องจากผิวแพ้ง่ายจะมีลักษณะผิวที่บอบบางและมีความไวต่อแสงแดดมากกว่าผิวชนิดอื่นๆ

ผิวแห้ง

ผิวแห้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่มีลักษณะเป็นเนื้อครีมเข้มข้น โดยมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผิวเกิดความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำได้อย่างดีเยี่ยมจะช่วยลดอาการผิวแห้งตึงหรือผิวลอกเป็นขุยได้

ผิวมัน

ผิวมัน เหมาะกับครีมกันแดดที่มีเนื้อบางเบาและสามารถดูดซึมเข้าผิวหนังได้โดยง่าย เพื่อป้องกันรูขุมขนที่อุดตันและจะส่งผลให้เกิดสิวต่างๆ ตามมา

เทคนิคการทาครีมกันแดดให้ถูกวิธี มีดังต่อไปนี้

ทาครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสม

ไม่ควรทาครีมกันแดดในปริมาณที่น้อยหรือมากเกินไป ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับการทาครีมกันแดดบนใบหน้า วิธีการคือให้แต้มครีมกันแดดแบ่งออกเป็น 5 จุด ตั้งแต่หน้าผาก แก้มด้านซ้ายและด้านขวา ตรงกลางจมูก และบริเวณคางหลังจากนั้นให้เกลี่ยครีมกันแดดออกไปให้ทั่วใบหน้า สำหรับวิธีการทาครีมกันแดดที่แขนและขา ควรใช้ครีมกันแดดประมาณ 30 ออนซ์ หลังจากลงครีมกันแดดแล้วไม่ควรทาโลชั่นอื่นๆ ซ้ำอีกครั้ง เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการปกป้องผิวหนังจากแสงแดดลดน้อยลง

ทาครีมกันแดด 30 นาทีก่อนออกแดด

สาวๆ หลายคนมักจะทาครีมกันแดดและออกไปโดนแสงแดดเลยทันทีทันใด ซึ่งการทำในลักษณะนี้จะช่วยลดประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด และที่ถูกต้องคือ ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดดประมาณ 30 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดซึมซับเข้าสู่ผิวและมีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดได้มากขึ้น ช่วยลดปัญหาหน้าหมองคล้ำ ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่างๆ ได้

ทาครีมกันแดดซ้ำในทุกๆ 2 ชั่วโมง

เมื่อสาวๆ ต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้งตลอดทั้งวันหรือมากกว่า 2 ชั่วโมงเป็นต้นไปควรทาครีมกันแดดซ้ำในทุกๆ 2 ชั่วโมงและควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF หรือค่า PA ที่สูงจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด รวมทั้งปัญหามลภาวะทางอากาศไม่ว่าจะเป็นฝุ่นและควัน ซึ่งนอกจากการทาครีมกันแดดแล้วอาจจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ในการป้องกันรังสี UV ด้วยเช่นเดียวกัน

ดูวันหมดอายุของครีมกันแดด

สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ การศึกษารายละเอียดและอ่านฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ให้รอบคอบ เพื่อดูวันหมดอายุของครีมกันแดดโดยทั่วไปครีมกันแดดจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 1 ปี หากสาวๆ นำครีมกันแดดที่หมดอายุมาใช้งานจะทำให้ครีมกันแดดนั้นไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดด เนื่องจากสารกันแดดเกิดการเสื่อมสภาพและอาจส่งผลเสียต่อผิวหนังของเราได้อีกด้วย

ห้ามนำครีมกันแดดสำหรับทาผิวกายมาทาใบหน้า

ข้อควรระวังที่สาวๆ ต้องรู้ก็คือ ครีมกันแดดมีทั้งครีมกันแดดที่ใช้ทาผิวกายและใช้ทาบนใบหน้า ซึ่งจะมีคุณสมบัติและความเข้มข้นที่แตกต่างกันออกไป เพราะใบหน้าจะมีผิวที่บอบบางมากกว่าส่วนอื่นๆ ดังนั้น ก่อนใช้ครีมกันแดดสาวๆ ควรศึกษารายละเอียดหรือบรรจุภัณฑ์ให้รอบคอบ เพื่อดูว่าครีมกันแดดที่ซื้อมานั้นใช้สำหรับผิวกาย ทาแขน ขา หรือทาเฉพาะในส่วนของใบหน้า เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันแสงแดด

ทาครีมกันแดดให้ครบทุกจุด

คนทั่วไปมักจะทาครีมกันแดดในบริเวณที่สำคัญ ได้แก่ ใบหน้า แขน และขา โดยลืมให้ความสำคัญในจุดที่อยู่ตามซอกตามมุมไม่ว่าจะเป็นหลังใบหู ข้อศอก ข้อพับต่างๆ และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้สีผิวเกิดความไม่สม่ำเสมอและนอกจากนั้นยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย

ทาครีมกันแดดแม้ในวันที่ไม่มีแสงแดด

ในวันที่ไม่มีแสงแดด สาวๆ หลายคนอาจจะคิดว่าไม่จำเป็นต้องทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวหนังแต่ความเป็นจริงแล้วรังสี UV นั้นซ่อนอยู่ในบรรยากาศเสมอ ทางที่ดีสาวๆ ควรทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นวันที่ท้องฟ้ามืดครึ้มก็ตาม เพื่อปกป้องผิวหนังจากรังสี UV ที่คอยทำร้ายผิวให้แห้งเสีย ซึ่งเป็นการช่วยลดเลือนริ้วรอย ความเหี่ยวย่นและทำให้มีใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัย

ทั้งหมดนี้ก็คือ เคล็ดลับและเทคนิคในการทาครีมกันแดดให้ได้ประสิทธิภาพ เพื่อปกป้องผิวหนังจากรังสีที่คอยทำร้ายให้ผิวแห้งเสียเกิดรอยฝ้า กระ จุดด่างดำ รวมถึงริ้วรอยต่างๆ หากสาวๆ นำเคล็ดลับและวิธีการเหล่านี้ไปใช้รับรองว่าต้องมีใบหน้าที่ขาวใส และมีสุขภาพผิวที่ดีอย่างแน่นอน