เทคนิค “ลดเหนียง” ปัญหากวนใจที่ทำให้คุณเครียด

ความสวย ความงาม ใบหน้า

เหนียง ปัญหาโลกแตกที่สาวๆ หลายคนต้องเจอ บางคนถึงขั้นเป็นปมในใจเพราะถูกเพื่อนๆ ล้อบ่อยจนไม่กล้าออกไปสู้หน้าใครอีกเลย ปัญหาเหล่านี้คอยสร้างความกังวลใจให้เราไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้น วันนี้เราแนะนำเทคนิคลดเหนียงอย่างไรให้ได้ผล และต้องของออกตัวก่อนเลยว่า เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ รับลองว่าปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน

แต่ก่อนจะเข้าเนื้อหาสาระสำคัญ เราไปทำความเข้าใจกันก่อนดีกว่าว่า เหนียง คืออะไร…

เหนียงหรือคางสองชั้น คือ ไขมันที่ถูกสะสมอยู่ในผิวหนังบริเวณใต้คาง โดยทั่วไปเหนียงมักจะเกิดขึ้นกับคนที่มีน้ำหนักตัวเยอะ หรืออ้วน แต่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นจากลักษณะของพันธุ์กรรม และคนที่มีผิวหนังบริเวณใต้คางเกิดความหย่อนคล้อย ตลอดจนคนที่มีคางเล็กกว่าคนทั่วไป

เทคนิคการลดเหนียง มีดังต่อไปนี้

1.ออกกำลังกายเพื่อบริหารใบหน้า

อย่างที่ทุกคนพอจะทราบกันดีว่า การออกกำลังกาย นั้นช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไปได้ แต่สำหรับการออกกำลังกายเพื่อลดเหนียงโดยตรง จะเน้นที่การบริหารในส่วนของใบหน้า โดยมีท่าแนะนำ ดังนั้น

-ท่ายื่นปาก ด้วยวิธีการ คือ เงยหน้าขึ้นไปมองเพดาน จากนั้นให้ทำปากเหมือนจูบ โดยยื่นปากออกไปให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดการตึงที่บริเวณไต้คาง ทำค้างให้ประมาณ 10 วินาที โดยทำแบบนี้ติดต่อกันไป 20 ครั้ง

-ท่าแลบลิ้น เป็นอีกหนึ่งท่าสำหรับบริหารลดไขมันใต้คาง เพียงแค่แลบลิ้นออกไปให้ได้ยาวที่สุด หลังจากนั้นให้ยกลิ้นขึ้นไปพยายามแตะกับจมูก ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที แล้วกลับสู่ท่าปกติ โดยทำแบบนี้ติดต่อกับ 20 ครั้ง

-ท่ายืดกราม ด้วยการเอียงศีรษะไปทางด้านขวา จากนั้นให้ยื่นกรามข้างล่างไปด้านหน้า นับ 1-10 แล้วกลับสู่ท่าปกติ หลังจากนั้นให้ทำในลักษณะเดียวกัน แต่เปลี่ยนเป็นเอียงศีรษะไปทางด้านขวาแทน โดยท่านี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณด้านล่างของคาง และด้านข้างคอ ช่วยให้เกิดความกระชับมากยิ่งขึ้น โดยให้ทำแบบนี้ติดต่อกับ 20 ครั้ง

นอกจากท่าบริการเหล่านี้ การเคี้ยวหมากฝรั่งก็เป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง ซึ่งสามารถช่วยคุณได้เช่นเดียวกัน เพราะเป็นการบริหารขากรรไรและกล้ามเนื้อให้กระชับมากยิ่งขึ้น ช่วยลดเหนียงได้เป็นอย่างดี

2.ควบคุมอาหาร

อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันในการสลายไขมันหรือเหนียง ก็คือ การควบคุมอาหาร ซึ่งมีข้อควรแนะนำดังต่อไปนี้

-หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน เช่น เนื้อสัตว์ติดมัน

-หลีกเลี่ยงการบริโภคสารอาหารที่มีส่วนผสมแป้ง

-งดทานของทอด ของมัน ของหวาน หรืออาหารที่ผ่านการแปรรูป

-หันมารับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น

-เน้นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีนที่มีไขมันต่ำ

หากสาวๆ สามารถควบคุมอาหารเหล่านี้ และหันมารับประมารับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย รับลองว่าจะไม่มีปัญหาเหนียงมากวนใจอีกต่อไป

3.ปกปิดด้วยเครื่องสำอาง

การเฉดดิ้งด้วยเครื่องสำอางเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งที่ปัจจุบัน สาวๆ หลายคนนิยมใช้ แม้ว่าจะไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ได้ผลแบบถาวร หรือแก้ปัญหาจากต้นเหตุโดยตรง แต่ก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ทำให้สาวๆ สามารถปกปิดเหนียงใต้คางได้เป็นอย่างดี และช่วยทำให้รู้สึกมีความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น

4.พอกหน้าด้วยไข่ขาว

อีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยลดเหนียง เชื่อว่าสาวๆ หลายคนอาจจะยังไม่รู้มาก่อนว่า ไข่ขาว สามารถช่วยได้ และนอกจากจะลดไขมันใต้คางได้แล้วยังช่วยให้หน้าดูใสขึ้นอีกด้วย ไข่ขาว มีคุณสมบัติในการทำให้ผิวหน้าดูชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น เพราะในไข่ขาวมีส่วนประกอบของ โปรตีน เกลือแร่ น้ำ และอัลบูมิน สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยกระชับรูขุมขน โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณใต้คาง อีกทั้งยังลดความมันของใบหน้าได้อีกด้วย เพียงแค่นำไข่ขาวมาพอกหรือมากส์ผิวหนังใต้คางคาง ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที รอจนกว่าจะแห้งสนิท และล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทั้งนี้ ควรทำเพียงแค่อาทิตย์ละ 2 ครั้งเท่านั้น

5.นั่งตัวตรงให้เป็นนิสัย

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนั่ง ด้วยการนั่งตัวตรง หลังตรง นอกจากจะช่วยลดอาการปวดหลังได้แล้ว ยังช่วยให้เรามีบุคลิกที่ดีขึ้นเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง และที่สำคัญ คือ ช่วยให้กล้ามเนื้อบริเวณใต้คาง และขากรรไกรยืดตึง กระชับมากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่ชอบนั่งหลังงอ คอตก จะทำให้ผิวหนังใต้คางเกิดการกดทับเป็นชั้นๆ นั่นจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดเหนียงได้ง่ายขึ้น

6.ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน

น้ำ นอกจากจะช่วยสร้างความสมดุลให้แก่ร่างกายแล้ว ยังช่วยเผาผลาญไขมันได้อีกด้วย โดยควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว ซึ่งจะช่วยให้ผิวดูชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น ช่วยชะลอรอยเหี่ยวย่นของใบหน้า โดยเฉพาะความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนังใต้คาง หรือที่เรียกว่า เหนียง นั่นเอง

และทั้งหมดนี้ก็คือ เทคนิค การลดเหนียง ไขมันตัวปัญหาที่คอยสร้างความไม่มั่นใจ และทำให้คุณสาวๆ เกิดความเครียด  เป็นอย่างไรกันบ้างคะ เห็นไหมว่า ใครๆ ก็สามารถกำจัดเหนียงให้สลายหายไปได้ ด้วยวิธีที่ปลอดภัย โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอ แถมยังส่งผลดีต่อสุขภาพของคุณอีกด้วย เชื่อว่าเทคนิคดีๆ ที่เรานำมาฝากนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนอย่างแน่นอน