เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ Shea Butter มอยร์เจอไรเซอร์ในเครื่องสำอาง

Shea Butter เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงเคยได้ยินคำนี้กันจนคุ้นหู ว่ากันว่ามันคือ มอยส์เจอไรเซอร์ ที่ใช้สำหรับบำรุงผิวและมักอยู่ในส่วนผสมสำคัญของเครื่องสำอาง รวมถึงผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ยา และอาหารบางชนิด ในขณะเดียวกันก็เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่รู้ความหมายที่แท้จริงของ Shea Butter คืออะไร หรือมีสรรพคุณในด้านอื่น ๆ อีกหรือไม่ วันนี้เราจะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน

Shea Butter คืออะไร ?

Shea Butter (เชียร์ บัตเตอร์) ถูกสกัดมาจากเชียนัทหรือเมล็ดของต้นเชียเป็นไขมันที่ได้จากธรรมชาติ ลักษณะคือมีเนื้อที่เหนียวข้นคล้ายเนย เรียกได้ว่าเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีคุณภาพสูงมาก มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม ชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูผิวหรือเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย และช่วยลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจาก Shea Butter อุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินอีบริสุทธิ์ สารไตรเทอร์พีน (Triterpene) สารโพลีฟีนอล (Polyphenols) และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพอีกหลายชนิด

ที่สำคัญ นอกจาก Shea Butter จะช่วยบำรุงผิวพรรณแล้วยังมีส่วนช่วยลดอาการอักเสบ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมในปัจจุบันวงการทางการแพทย์ จึงมักนำสารเหล่านี้ไปสกัดเป็นยารักษาโรคผิวหนัง ยาทาลดรอยแผลเป็น หรือยาบรรเทาอาการผิวไหม้แดด ในบางกรณียังมีการใช้บำรุงเส้นผมได้อีกด้วย ช่วยลดการเกิดรังแค ไม่เพียงเท่านั้นประโยชน์ของ Shea Butter ยังใช้เพื่อลดอาการข้ออักเสบได้ เรียกได้ว่าสรรพคุณเยอะแยะมากมายจริง ๆ

ต่อไปนี้เราจะอธิบายประโยชน์ของ Shea Butter ในแต่ละข้อให้คุณได้รู้ และเข้าใจมากยิ่งขึ้น

ช่วยลดรอยแผลเป็น

Shea Butter อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่าช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง โดยเฉพาะผิวหนังบริเวณรอยแผลเป็นทำให้ดูนุ่มลง นอกจากนั้นยังช่วยฟื้นฟูผิวบริเวณรอยแผลเป็นได้อีกด้วย นักวิจัยได้นำ Shea Butter และสารไตรแอมซิโนโลน ส่วนผสมของยาทาที่ช่วยลดรอยแผลเป็นมาวิจัย เพื่อทำการเปรียบเทียบกัน โดยทดลองกับอาสาสมัคร ผลปรากฏ Shea Butter ให้ประสิทธิภาพที่ดีมากกว่า เพราะสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ได้ดีกว่า จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมในปัจจุบันมีการนำ Shea Butter มาใช้เป็นส่วนผสมของยาทาลดรอยแผลเป็น

ช่วยต้านการอักเสบ และบรรเทาผื่นผิวหนัง

อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า Shea Butter มีคุณสมบัติเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ สารสกัดที่ได้จากธรรมชาตินี้ สามารถทำให้ผิวนุ่ม และเกิดความชุ่มชื้นได้มากขึ้น ที่สำคัญยังมีฤทธิ์ช่วยต้านอาการอักเสบของผิวหนังได้อีกด้วย โดยเฉพาะวิตามินดีที่มีอยู่ใน Shea Butter ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจน และปกป้องผิวหนังที่แห้งกร้าน คืนความชุ่มชิ้นให้แก่ผิวอีกครั้ง มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า น้ำมันของ Shea Butter มีส่วนช่วยลดอาการอักเสบเพราะมีสารไดเมธิโคน และวิตามินบี นอกจากนั้นยังมีการนำน้ำมันของ Shea Butter มาทดลองกับผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนัง ผลปรากฏว่าพวกเขามีอาการที่ดีขึ้น และในปัจจุบันก็ได้มีการนำ Shea Butter มาเป็นส่วนผสมในยารักษาอาการผื่นคัน หรือผิวหนังอักเสบอีกด้วย

ช่วยรักษาโรคข้อเสื่อม

เนื่องจากใน Shea Butter มีสารไตรเทอร์พีนที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ นอกจากช่วยรักษาอาการอักเสบของผิวหนังได้แล้วยังช่วยรักษาอาการอักเสบของกระดูก ข้อต่อ ได้อีกด้วย เช่นเดียวกันมีการทดลองกับผู้ป่วยที่เป็นโรคกระดูกข้อเข่าเสื่อม โดยให้ผู้ป่วยรับประทานน้ำมัน สารสกัดจาก Shea Butter ติดต่อกันเป็นเวลา 15 สัปดาห์ ผลปรากฏว่าอาการเหล่านั้นเริ่มดีขึ้น ผู้ป่วยมีอาการทุเลาลง ปัจจุบันจึงมีการนำน้ำมัน Shea Butter ไปพัฒนาเป็นยารักษาโรงกระดูกข้อเสื่อม เพื่อให้สามารถใช้แล้วได้ประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

ช่วยบำรุงเส้นผม และช่วยขจัดรังแค

ปัญหาเส้นผมแห้งเสีย ไม่นุ่มสลวยหรือชี้ฟู มักเกิดขึ้นกับสาว ๆ รวมถึงปัญหารังแคบนหนังศีรษะด้วย เพียงแค่สาว ๆ ลองนำน้ำมันของ Shea Butter มาหมักผมในอัตราส่วน 1 ช้อนโต๊ะ ชโลมให้ทั่วเส้นผสมและหนังศีรษะ ทิ้งไว้ 15-20 นาทีเสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด น้ำมันของ Shea Butter จะช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง นุ่มสลวย เงางาม และลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง รวมถึงสามารถช่วยขจัดรังแคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วยไล่ยุง

เชื่อว่าหลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนว่า Shea Butter มีคุณสมบัติช่วยไล่ยุง หรือป้องกันยุงกัดได้ เรียกได้ว่าเป็นสมุนไพรไล่ยุงที่ใช้ได้ผลดีมาก ๆ เนื่องจาก Shea Butter มีสารเคมีคุณลักษณะคล้ายกับสารไล่ยุง หรือครีมทากันยุงหลายชนิด ที่สำคัญหากนำน้ำมันของ Shea Butter มาทาบนผิวในบริเวณที่ถูกยุงกัด สามารถลดรอยแดง หรือบรรเทาอาการคัน หรือการระคายเคืองได้อีกด้วย เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีความอ่อนโยน ไม่เป็นอันตรายต่อผิว เด็กเล็กสามารถใช้ได้ และมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิดจริง ๆ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า Shea Butter สารสกัดจากธรมชาติ จะมีประโยชน์หรือสรรพคุณมากมายหลาย ๆ ด้าน แต่ก็ควรใช้ในประมาณที่เหมาะสม สำหรับคนที่มีโรคประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้งาน หรือนำมารับประทาน โดยเฉพาะเด็ก ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรได้รับคำแนะนำก่อนใช้ หรือรับประทานเพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่อันตรายตามมาได้