“ไลโคปีน – สารสีแดง” คืออะไร และมีประโยชน์ต่อผิวพรรณอย่างไร

อาหารเพื่อสุขภาพ - สมุนไพร

หากพูดถึงเรื่องความสวยความงาม หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ สารสีแดง  กันมาบ้างแล้ว เนื่องจากสารสีแดง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งคือ “สารไลโคปีน” ที่มีอยู่ในผักและไม้ ยกตัวอย่างเช่น มะเขือเทศ ทับทิม แตงโม ฝรั่งสีชมพู เป็นต้น โดยสารชนิดนี้มีส่วนช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ เรียกได้ว่ามีประโยชน์อย่างมากต่อผิวพรรณ ไม่เพียงแต่เฉพาะเรื่องความสวยความงามเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย เช่น ช่วยป้องกันโรคมะเร็งบางชนิด ป้องกันโรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง เป็นต้น ซึ่งในวันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ “สารสีแดง” กันให้มากขึ้นว่าคืออะไร พร้อมเรื่องราวต่างๆ ที่น่าสนใจ ตามไปดูกันเลย

ไลโคปีน  (Lycopene) จัดเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ มักจะพบในผักหรือผลไม้ทั่วไปที่มีสีแดง ซึ่งในมะเขือเทศนั้นจะพบมากที่สุดถึง 100 กรัม สวาๆ ส่วนใหญ่จึงนิยมการรับประทานมะเขือเทศ หรือแม้แต่การนำมามามกส์พอกหน้าเพื่อให้ผิวขาวใสอย่างแบบธรรมชาติ ช่วยลดการเกิดสิว และปกป้องผิวจากแสงแดด ที่สำคัญสารไลโคปีนยังสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอย คืนความอ่อนวัยให้ใบหน้าได้อีกด้วย

แสงแดด ตัวทำร้ายผิวให้แห้งเสีย เกิดความหมองคล้ำ และปัญหาฝ้า กระ หรือจุดด่างดำต่างๆ ตามมา สาเหตุมาจากรังสียูวีเอ และยูวีบี เป็นรังสีที่ทำลายชั้นเซลล์ผิวหนังให้เกิดความผิดปกติ ทำลายการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ส่งผลให้เกิดความหย่อนคล้อย ผิวหนังไม่เต่งตึงหรือทำให้แก่ก่อนวัยอันควร นอกจากนั้นยังอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย โดยเฉพาะแสงแดดที่ร้อนระอุมากในประเทศไทยของเรา มีประชากรนำนวนมากที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งผิวหนัง มีตั้งแต่ระดับปลานกลางไปจนถึงขึ้นรุนแรง การป้องกันแสงแดดนอกจากการทาครีมกันแดด และการสวมใส่เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหมวก ปลอกแขน แว่นตาแล้ว ต้องรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณด้วย โดยเฉพาะสารอาหารอย่าง ไลโคปีน ที่มีส่วนช่วยในการปกป้องผิวจากรังสีในแสงแดด

ไลโคปีนปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างไร

อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า ไลโคปีน เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถละลายน้ำได้ดีในไขมัน พบมากที่สุดในมะเขือเทศ แต่รู้หรือไม่ว่าไลโคปีนสามารถต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าสารในกลุ่มเบตาแคโรทีนถึง 2 เท่า ในขณะเดียวกันก็มีประสิทธิภาพมากกว่าสารอย่าง แอลฟา โทโคฟีรอล ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม ไลโคปีนหรือสารสีแดงจึงสามารถปกป้องผิวหนังจากแสงแดดได้ดีและมีประสิทธิภาพ ดังนี้

-ปกป้องผิวล้ำลึกในระดับดีเอ็นเอ (DNA)

มีงานวิจัยค้นพบว่า หากรับประทานมะเขือเทศที่สกัดเข้มข้น 16 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 1 ปีขึ้นไป สารไคโคปีนจะช่วยปกป้องรังสีที่อยู่ในแสงแดดได้อย่างล้ำลึกในระดับ DNA ช่วยลดการถูกทำลายของผิวหนังจากแสงแดดหรือเซลล์โมโตคอนเดรียน ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างพลังงานและคอลลาเจน ช่วยชะลอการเสือมสภาพของเซลล์ผิว และส่งผลให้ผิวกระชับ เต่งตึงมากยิ่งขึ้น

-ช่วยดูดซับรังสียูวีเอ และยูวีบี

หากรับประทานสารไลโคปีนในปริมาณ 8-16 มิลลกรัมต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปีขึ้นไปจะทำให้เซลล์ผิวเกิดความแข็งแรง และสามารถดูดซับรังสียูวีเอ และยูวีบีทำให้ผิวทนทานก่อการถูกแสงแดดทำร้ายไม่ให้ผิวไหม้แสบร้อน และป้องกันผิวหน้าไม่ให้หมองคล้ำ เกิดริ้วรอยฝ้า กระ หรือจุดด่างดำต่างๆ

-ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว

หากรับประทานสารไลโคปีน ควบคู่กับวิตามินเอ จะช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่นมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาผิวหน้าแห้งเสียได้เป็นอย่างดี เนื่องจากวิตามินเอมีส่วนช่วยในการปกป้องผิวที่ถูกอนุมูลอิสระทำร้าย รวมถึงช่วยลดปัญหาผิวหน้าไหม้จากแสงแดด คืนความชุ่มชื้น ฟืนฟูสภาพผิวให้ขาวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

นอกจาก ไลโคปีนจะสามารถช่วยปกป้องผิวหนังจากแสงแดดได้แล้ว ยังช่วยลดอาการเกิดสิวได้อีกด้วย เนื่องจากสารชนิดนี้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะไปช่วยยับยั้งปัญหา หน้ามัน ซึ่งเป็นบ่อเกิดของสิวทั้งหลายบนใบหน้า ที่คอยเข้ามาทำให้กวนใจอยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสาวๆ ปัญหาหน้ามันส่วนใหญ่มันจะเกิดขึ้นกับวัยรุ่น หรือกลุ่มวัยทำงานทั่วไป ยิ่งต้องเจอกับมลภาวะวะทางอากาศ ทั้งฝุ่น ควัน และแสงแดด ทำให้เกิดการหนักหมมของคาบเหงื่อ เชื้อโรคและแบคทีเรีย หากสาวๆ ไม่ดูแลผิวพรรณให้ดี สิวธรรมดาอาจติดเชื้อและกลายเป็นสิวอักเสบได้ในที่สุด ในปัจจุบัน ไลโคปีน ถูกนำมาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นครีมบำรุงผิว อาหารเสริม มากส์หน้ามะเขือเทศ เป็นต้น หรือสาวๆ อาจมากส์หน้าง่ายๆ ได้เองที่บ้าน เรามีสูตรเด็ดมาแนะนำ ดังนี้

เพียงแค่นำมะเขือเทศ 1 ลูกมาปั่นให้ละเอียด ผสมน้ำมะนาวลงไป 2 ช้อนโต๊ะ จนได้เนื้อครีมที่เข้มข้น หลังจากนั้นนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีโดยประมาณ เสร็จแล้วให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่าที่สะอาด ทำแบบนี้เป็นประจำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง บอกลาปัญหาสิว และหน้าหมองคล้ำไปได้เลย นอกจากนั้นสูตรนี้ยังเหมาะกับสาวๆ ที่มีปัญหาหน้าแห้งกร้าน ลอกเป็นขุยได้อีกด้วเป็นสูตรธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิว

ทั้งหมดนี้คือ เรื่องราวสาระน่ารู้เกี่ยวกับสารไลโคปีน เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับสาวๆ ทุกคนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามร่างกายควรได้รับสารไลโคปีนในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน เพราะหากได้รับในปริมาณที่มากจนเกินไปอาจส่งผลเสียได้หรือบางคนมีอาการแพ้สารชนิดนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับประทาน เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเอง