5 อาหารต้องห้ามที่ควรเลี่ยงสำหรับ “ไมเกรน”

ศีรษะและสมอง

โรคไมเกรน เป็นอาการปวดหัวข้างเดียว ถือเป็นหนึ่งในโรคยอดฮิตของคนวัยทำงาน นอกจากจะทรมานมากแล้ว ยังทำให้เกิดอาการข้างเคียงอีกหลายอย่าง บอกได้คำเดียว ใครไม่เป็นจะจินตนาการไม่ออกจริง ๆ ค่ะ ทำได้เพียงแต่ทานยาบรรเทาอาการเท่านั้นเอง แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า มีอาหารประเภทไหนบ้างที่จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ แต่ในทางการแพทย์ก็มีข้อยืนยันว่า อาการปวดหัวข้างเดียวมีความสัมพันธ์กับความเครียดและการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน งั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าอาหารอะไรบ้างที่จะไปกระตุ้นอาการปวดหัวข้างเดียว

1. ช็อกโกแลต

เป็นขนมที่ถูกใจใครหลายคน โดยเฉพาะกับสาว ๆ ในช็อกโกแลตมีสารในกลุ่มเอมีน (amines) ซึ่งมีผลต่อการลดระดับสารเซโรโทนิน (serotonin) ในสมอง โดยสารเซโรโทนินทำหน้าที่ควบคุมเสียงกับความเจ็บปวด และการหดหรือการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่า ช็อกโกแลตจะมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวข้างเดียว

2. คาเฟอีน

เราจะพบสารคาเฟอีนในชา กาแฟ โคล่า เครื่องดื่มชูกำลัง โดยคาเฟอีนและไมเกรนเกี่ยวข้องกันในสองกรณี คือ 1. คนที่ไม่เคยดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แต่ได้รับในปริมาณมาก 2. คนที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นประจำ แต่ดื่มน้อยลง สองกรณีสามารถทำให้เกิดอาการไมเกรนได้ คนที่มีอาการไมเกรนควรลดหรืองดการดื่มชา กาแฟ หรืออาหารที่มีคาเฟอีน แนะนำว่าให้ค่อย ๆ ลดการดื่มลง แต่ไม่ควรหยุดทันที

3. ไวน์แดงและเครื่องดื่มที่มีแอลกอร์ฮอลล์

ในไวน์แดงมีสารไทรามีน (tyramine) และสารฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ซึ่งเป็นสารที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวข้างเดียวได้ สำหรับคนที่เป็นไมเกรน การจิบจิบไวน์หรือเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอลล์เพียงเล็กน้อยก็สามารถกระตุ้นอาการดังกล่าวได้

4. สารแทนนินและไทรามิน

เป็นสารธรรมชาติที่อยู่ในอาหาร เช่น น้ำแอปเปิ้ล ชา กาแฟ ส่วนสารไทรามิน นอกจากจะพบในไวน์แดงแล้วยังพบในกล้วยสุกงอม เบียร์ เมล็ดพืชต่าง ๆ ถั่ว ยังไม่มีข้อมูลยืนยันที่ชัดเจนว่าอาหารเหล่านี้สามารถทำให้เกิดอาการหรือไม่ แต่ผู้ที่เป็นโรคไมเกรนควรหลีกเลี่ยงและหมั่นสังเกตอาการตัวเอง

5. น้ำตาลเทียม ผงชูรส

เป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่มีส่วนทำให้เกิดอาการปวดหัวข้างเดียวได้เช่นกัน แม้ว่าจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอาหารประเภทใดบ้างที่ทำให้เกิดไมเกรนหรืออาการปวดหัวข้างเดียว แต่ก็มีแนวโน้มว่าอาหารมีส่วนที่ให้เกิดไมเกรนได้ ดังนั้นผู้ที่อาการดังกล่าวควรระมัดระวังในการทานอาหาร และสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายหลังจากการทานอาหารนั้น เพราะนอกจากอาหารจะเป็นยารักษาโรคได้แล้ว แต่ก็ยังทำให้เกิดโรคได้เช่นกัน