TSTHลั่นยอดขายเหล็กปี64/65พุ่งแตะ1.33ล้านตัน

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

ทาทาสตีลฯมั่นใจปริมาณการขายเหล็กงวดปี64/65อยู่ที่ 1.33 ล้านตัน ดีกว่าปีก่อน2-3% มั่นใจงวดปี2565/66 ปริมาณการขายโตขึ้น ขณะที่ราคาเหล็กมีแนวโน้มสูงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่ม ด้านบริษัทแม่ชะลอการขายหุ้นTSTHให้นักลงทุนใหม่ออกไป2-3ปี หลังสถานการณ์เปลี่ยน

นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน)หรือTSTH เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจปริมาณการขายเหล็กในงวดปีการเงิน 2564/65 (เม.ย. 2564-มี.ค.2565)อยู่ที่ 1.33 ล้านตัน โตเพิ่มขึ้น2-3%จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายเหล็กอยู่ที่ 1.30 ล้านตัน โดยมีการส่งออกเหล็กไปต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 10%ของปริมาณการขาย ซึ่งปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นมาจากการฟื้นตัวของภาคการก่อสร้างหลังรัฐกลับมาเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19

สำหรับผลการดำเนินงานบริษัทในไตรมาส 4 งวดปีการเงิน2564/65 (ม.ค.2565–มี.ค.2565)คาดว่า ปริมาณการขายเหล็กเส้นและเหล็กลวดจะดีกว่าไตรมาส3 ปีการเงิน2564/65 ที่มีปริมาณการขายอยู่ที่ 321,000 ตัน เนื่องจากราคาเหล็กมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามต้นทุนที่สูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคที่มีความต้องใช้เหล็กกล้าตัดสินใจซื้อมากขึ้น รวมทั้งภาครัฐ สนับสนุนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง และมีมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ

 

โดยราคาเหล็กเมื่อเดือนธ.ค. 2564 บริษัทขายอยู่ที่ 22,000-22,500 บาท/ตัน และเดือนม.ค.65 ปรับเพิ่มมาอยู่ที่ 23,000-23,500 บาท/ตัน แต่ก็ยังคงต่ำกว่าราคาตลาดโลกที่อยู่ราว 730 เหรียญ/ตัน หรือประมาณ 24,000 บาท/ตัน ซึ่งมีแนวโน้มราคาจะปรับสูงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ส่วนเป้าหมายการปริมาณการขายในงวดปีการเงิน 2565/66 นั้น บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนงานคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมี.ค.นี้ อย่างไรก็ดี บริษัทคาดการณ์ความต้องการใช้เหล็กยังโตเพิ่มขึ้น หลังจากปี2565 จีนยังคงผลิตและการส่งออกเหล็กลดลงใกล้เคียงปี2564 รวมทั้งบริษัทจะหาตลาดส่งออกใหม่เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีการขายอยู่ในประเทศ ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และแคนาดา เช่น นิวซีแลนด์ที่อยู่ระหว่างการยื่นขอใบรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมศกนี้ ทำให้สามารถส่งออกเหล็กไปยังออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นได้ ขณะเดียวกันยอดขายเหล็กในประเทศไทยเองก็เพิ่มขึ้นด้วยจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ จึงมั่นใจว่าในผลประกอบการในงวดปี 2565/66 จะมีปริมาณการขายเหล็กสูงกว่าปีนี้

 

นายราจีฟ กล่าวว่า ขณะนี้ทางบริษัทแม่ คือ ทาทาสตีล อินเดีย ได้ชะลอหรือพักการหาผู้ร่วมทุนรายใหม่ให้บมจ.ทาทาสตีล (ประเทศไทย)ออกไปอีก 2-3 ปี เนื่องจากสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางบริษัทแม่มีความต้องการนำเงินมาลงทุนในธุรกิจเหล็กที่อินเดีย ที่เติบโตดีมาก จึงเล็งที่จะขายโรงงานเหล็กในต่างประเทศ แต่ขณะนี้บริษัทแม่ไม่ต้องการใช้เงินแล้ว รวมทั้งผลการดำเนินงานของTSTHออกมาดีทั้งในรูปตัวเงินและความพึงพอใจของลูกค้า

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/business