Plant Based คืออะไร ต่างจากมังสวิรัติอย่างไร

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า Plant Based มาบ้างแล้ว ซึ่ง Plant Based ถ้าแปลตรงตัวก็จะได้ออกมาว่า “พืชโดยพื้นฐาน หรือ พืชเป็นหลัก” ทำให้น่าสงสัยว่าตกลงแล้ว Plant Based มันคืออะไรกันแน่

Plant Based เป็นการควบคุมอาหารรูปแบบหนึ่ง ที่หลายคนอาจจะคิดว่าเหมือนมังสวิรัติ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ Plant Based เน้นกินพืชผักผลไม้ก็จริง แต่ไม่ได้ห้ามกินเนื้อสัตว์ 100% เหมือนอย่างมังสวิรัติ ยังสามารถกินเนื้อสัตว์ได้บ้างเล็กน้อย เพียงแต่ต้องเน้นกินพืชให้มากกว่า และที่สำคัญ อาหารที่กินจะต้องไม่ใช่อาหารแปรรูปจนไม่เหลือเค้าเดิมอย่างเต้าหู้ ไส้กรอก หรืออาหารประเภทที่ขัดสีมา เช่น ขนมปังขาว ข้าวขาว เป็นต้น ในขณะที่มังสวิรัติสามารถกินอาหารแปรรูปได้

นอกจากนี้ อาหารสาย Plant Based จะมีความคล้ายกับอาหารคลีน คือไม่นิยมปรุงแต่งรสชาติมากจนเกินไป

อยากกิน Plant Based ต้องเริ่มต้นอย่างไร?

สำหรับใครที่คิดจะเลือกคุมอาหารด้วยวิธี Plant Based ควรเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนอาหารการกินทีละนิด อย่าใช้วิธีหักดิบเด็ดขาด เพราะจะทำไม่ได้นาน และสุดท้ายก็จะตบะแตก กลับไปกินอย่างเดิม ยิ่งอ้วนได้ง่าย

ยกตัวอย่างเช่น ปรกติคุณชอบกินแต่ฟาสต์ฟู้ด ทั้งไก่ทอด มันฝรั่งทอด นอกจากนี้ยังมีไส้กรอกจัดเต็มทุกมื้อ คุณอาจลองเปลี่ยนเป็นมันฝรั่งอบ อกไก่ต้ม ไข่ต้มก่อน จากนั้นก็ค่อยๆเพิ่มผลไม้และผักเข้ามาเรื่อยๆ

เคล็ดลับกินอาหาร Plant Based ให้อร่อย ไม่น่าเบื่อ

เชื่อว่าหลายคนตั้งใจจะคุมอาหารแบบจริงจัง และก็มีความคิดอยากจะกิน Plant Based จริงๆ แต่พอเจอกับความจืดชืดของอาหารแล้วก็ทำให้เริ่มรู้สึกเบื่อๆ

เพราะฉะนั้น เคล้ดลับการกินอาหาร Plant Based ให้ไม่เบื่อจนรู้สึกทรมานตัวเอง ก็คือให้กินสลับกับอาหารปรกติที่ชอบกินได้ ไม่จำเป็นต้องกิน Plant Based ทุกมื้อหรือทุกวัน ให้จัดตารางด้วยตัวเองตามความเหมาะสม และรักษาวินัยเอาไว้ เช่น มื้อเช้าอาจจะกินอาหารแบบปรกติได้เพราะต้องการพลังงาน แต่มื้อเย็นอาจกิน Plant Based เพื่อเลี่ยงไม่ให้มีไขมันสะสมในร่างกาย เนื่องจากเรามักจะกินมื้อเย็นกันตอนค่ำๆดึกๆ กินเสร็จแล้วก็ไม่ได้ออกกำลังกายต่อ แต่จะไปพักผ่อนเลย ดังนั้นถ้ากินอาหารแบบปกติอาจทำให้อ้วนได้ง่าย

ตัวอย่างอาหารแบบ Plant Based

1. ผัดกะเพราเห็ด

2. แซนด์วิชอะโวคาโด้(ใช้ขนมปังโฮลวีท)