มาทำความรู้จัก การออกกำลังกายแบบ Cross Training

การควบคุมน้ำหนักตัว การออกกำลังกาย

ใคร ๆ ก็รู้ว่าการออกกำลังกายนั้นดีต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจแจ่มใส แต่บางคนก็อาจจะมีปัญหา ทั้งความเบื่อหน่าย ไม่สนุก หรือแย่ไปกว่านั้นคือการบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย และแน่นอนว่า Cross Training อาจเป็นทางออกที่ดีของคุณค่ะ

Cross Training คือการออกกำลังกายที่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีการปรับเปลี่ยนกลุ่มของกล้ามเนื้อที่ใช้ในการออกกำลังกายตลดเวลา จึงช่วยลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดการบาดเจ็บต่อกล้ามเนื้อที่มัดใดมัดหนึ่ง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเบื่อหน่ายจากการออกกำลังกายซ้ำ ๆ ลงได้

ตัวอย่างการฝึก Cross Training
วันที่ 1
ฝึกด้วยการวิ่ง ซึ่งเป็นการใช้ข้อต่อและกล้ามเนื้อขาเป็นหลัก
วันที่ 2 เปลี่ยนมาใช้เครื่องปั่นจักรยานอยู่กับที่เพื่อใช้กล้ามเนื้อขา การปั่นจักรยานแตกต่างจากการวิ่ง คือ เป็นการใช้กล้ามเนื้อขาที่ไม่เกิดแรงกระแทกกับข้อเข่าและข้อเท้า จึงช่วยลดความเสี่ยงลงได้
วันที่ 3 ใช้อุปกรณ์ Elliptical Trainer ซึ่งช่วยสร้างทักษะการทำงานที่สัมพันธ์กันระหว่างแขนและขา รวมถึงอุปกรณ์ตัวนี้จะมีแรงกระแทกที่ต่ำเป็นการช่วยป้องกันข้อเข่าและข้อเท้า

นอกจากการฝึกโดยการเปลี่ยนอุปกรณ์หรือรูปแบบการออกกำลังกายในแต่ละวันแล้ว ยังสามารถใช้วิธีฝึกหลาย ๆ อย่างร่วมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรือการเล่นกีฬาชนิดอื่น ๆ คือ

การออกกำลังกายแบบบริหารหัวใจ เราอาจจะเลือกชนิดการออกกำลังกายที่แตกต่างกันออกมา 3 ชนิด เช่น
– กระโดดเชือก การฝึกแอโรบิกต่าง ๆ
– เทนนิส แบดมินตัน บาสเกตบอล
– การวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน

การฝึกสร้างความแข็งแรงและความทนทานของกล้ามเนื้อ เราอาจจะเลือกชนิดของการออกกำลังกายที่แตกต่างกันมาฝึกตามเป้าหมายและความเหมาะสมของตัวเอง เช่น

– การออกกำลังกายแบบ calisthenics conditioning exercise ซึ่งเป็นการออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรงและทนทานทั่วไปให้กับร่างกาย โดยการใช้น้ำหนักตัวเป็นแรงต้านทาน เช่น การวิดพื้น การดึงข้อการซิตอัพ เป็นต้น
– การใช้อุปกรณ์ free weights เช่น ดัมเบลล์ บาร์เบลล์ ฯลฯ
– การฝึกสร้างความยืดหยุ่นของร่างกาย ด้วยการยืดกล้ามเนื้อด้วยตัวเอง หรือใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าช่วยอย่างการฝึกโยคะ เป็นต้น

ประโยชน์ของการออกกำลังกายแบบ Cross Training
– ลดความน่าเบื่อ จำเจ และเพิ่มความหลากหลายให้กับโปรแกรมการออกกำลังกายของคุณ
– ลดการบาดเจ็บจากการใช้งานซ้ำ ๆหรือใช้งานมากเกินไป
– มีการใช้และการหยุดพักส่วนต่าง ๆ ของร่างกายสลับกันไป ในขณะที่มีการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
– ได้มีการฝึกออกกำลังกายในทุกส่วนของร่างกายอย่างสมดุล
– ช่วยเพิ่มทักษะการเคลื่อนไหวและอื่น ๆ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ความคล่องตัว การทำงานของแขนขาที่สัมพันธ์กัน หรือการทรงตัว เป็นต้น
– เมื่อมีการบาดเจ็บที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย สามารถปรับเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์เพื่อฝึกในส่วนที่ไม่บาดเจ็บได้เพื่อผลของความต่อเนื่องในการออกกำลังกาย

และเพื่อเป็นการจุดไฟในการออกกำลังกาย หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการสร้างสรรค์โปรแกรมการออกกำลังกายในแต่ละวันและได้ผลตามเป้าหมายที่ต้องการนะคะ